การกรีดให้ได้น้ำยางมากที่สุด ข้อนี้คงไม่มีใครที่จะปฏิเสธอย่างแน่นอน เนื่องจากน้ำยางจะมีอยู่ในท่อน้ำยางที่อยู่ในเปลือกชั้นใน ยิ่งเข้าใกล้เยื่อเจริญ (Cambium) มากเท่าใดจำนวนท่อน้ำยางก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น การกรีดในแต่ละครั้งพื่อให้ได้น้ำยางมากที่สุด ก็คือ
- กรีดเวียนจากซ้ายบนลงมาทางขวาล่าง เพื่อให้ตัดท่อน้ำยางให้มากที่สุด (ท่อน้ำยางเรียงตัวเอียงประมาณ 3 องศา เวียนจากขวามาซ้าย)
- การกรีดให้ลึกเข้าใกล้เยื่อเจริญมากที่สุด เพื่อให้ตัดท่อน้ำยางให้มากที่สุด แต่ต้องไม่ทำให้เยื่อเจริญเสียหาย หากเรากรีดห่างจากเยื่อเจริญ 1.0 มิลลิเมตร เราจะตัดท่อน้ำยางได้ประมาณ 50 % แต่หากเรากรีดให้ลึกลงไปอีกโดยห่างจากเยื่อเจริญ 0.5 มิลลิเมตร เราจะตัดท่อน้ำยางได้มากประมาณถึง 80 %
- ความยาวของรอยกรีด การกรีดครึ่งลำต้นหรือ 1/2 ย่อมได้น้ำยางมากกว่าการกรีด 1/3 ของลำต้น เพราะรอยกรีดยาวกว่าทำให้สามารถตัดท่อน้ำยางได้มากกว่า
- มุมกรีดควรมีขนาดพอเหมาะคือ 30 องศา กับแนวระดับ
- ความหนาของเปลือกยางที่กรีดหรือถูกเฉือนออกมา หากบางเกินไป ก็จะได้น้ำยางน้อย แต่ถ้าหนาเกินไป ก็จะทำให้สิ้นเปลืองเปลือกยาง
- การกรีดยางด้วยวิธีการกระตุกข้อมือจะทำให้มีดเฉือนเปลือกยางด้วยความเร็วอย่างฉับพลัน และด้วยมีดที่คมอยู่เสมอก็จะทำให้รอยเฉือนคม ทำให้ได้น้ำยางมากกว่าการกรีดด้วยวิธีลากด้วยท่อนแขน
- การกรีดวันเว้นวัน จะทำให้ต้นยางมีเวลาในการสร้างน้ำยางได้เต็มที่ ซึ่งจะทำให้ได้รับน้ำยางมากกว่าการกรีด 3 วันเว้น 1 วัน
- ควรกรีดในช่วงเวลาประมาณ 3.00 น.- 5.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเย็น ส่งผลให้น้ำยางไหลได้นาน ผลลัพท์ก็จะได้น้ำยางมากตามไปด้วย

ที่มา: http://www.live-rubber.com/index.php/rubber-plantation-management/mature-rubber-stage/15-tapping-and-tapping-system?showall=1